ในปัจจุบัน น้ำดื่มสะอาดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกครัวเรือน เพราะน้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญของร่างกาย และมีผลโดยตรงต่อสุขภาพของเรา อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดหรือถังอาจเป็นภาระทางการเงินในระยะยาว การมี เครื่องกรองน้ำ ภายในบ้านสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก อีกทั้งยังเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าการใช้ขวดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว
ต้นทุนของการซื้อน้ำดื่ม
สำหรับครอบครัวทั่วไปที่บริโภคน้ำดื่มเป็นประจำ ค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำดื่มสามารถสะสมเป็นจำนวนมากได้ ตัวอย่างเช่น
– น้ำดื่มบรรจุขวด 1.5 ลิตร ราคาเฉลี่ยขวดละ 15 บาท ถ้าดื่มวันละ 2 ขวด จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 900 บาทต่อเดือน หรือ 10,800 บาทต่อปี
– หากเลือกใช้น้ำดื่มแบบถังขนาด 20 ลิตร ราคาเฉลี่ยถังละ 50 บาท และใช้ประมาณ 10 ถังต่อเดือน ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 500 บาทต่อเดือน หรือ 6,000 บาทต่อปี
– ในบางกรณี การใช้บริการส่งน้ำถึงบ้านอาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่านี้อีกขึ้นอยู่กับพื้นที่และผู้ให้บริการ
เมื่อพิจารณาตัวเลขเหล่านี้แล้ว ค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำดื่มเป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลยในระยะยาว
ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่องกรองน้ำ
เครื่องกรองน้ำมีหลายประเภทและราคาก็แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและระบบการกรอง แต่โดยทั่วไปแล้ว ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่องกรองน้ำอาจมีรายละเอียดดังนี้
– เครื่องกรองน้ำแบบพื้นฐาน ราคาเริ่มต้นที่ 2,000 – 5,000 บาท
– เครื่องกรองน้ำแบบ RO (Reverse Osmosis) หรือระบบกรองที่มีหลายขั้นตอน ราคาอยู่ที่ 5,000 – 15,000 บาท
– เครื่องกรองน้ำระดับพรีเมียมที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้า อาจมีราคาสูงถึง 20,000 บาทขึ้นไป
– ค่าบำรุงรักษา เช่น การเปลี่ยนไส้กรองปีละ 1-2 ครั้ง โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 500 – 3,000 บาทต่อปี
เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่างการซื้อน้ำดื่มกับการใช้เครื่องกรองน้ำ
หากเรานำค่าใช้จ่ายมาเปรียบเทียบกันระหว่างการซื้อน้ำดื่มและการใช้เครื่องกรองน้ำ จะพบว่าการลงทุนติดตั้งเครื่องกรองน้ำคุ้มค่ากว่าในระยะยาว ตัวอย่างเช่น
– หากครอบครัวหนึ่งใช้น้ำดื่มบรรจุถังที่มีค่าใช้จ่ายปีละ 6,000 บาท และติดตั้งเครื่องกรองน้ำราคา 10,000 บาท พร้อมค่าบำรุงรักษาเฉลี่ยปีละ 1,500 บาท ในระยะเวลา 3 ปี ครอบครัวนั้นจะประหยัดเงินไปได้มากกว่า 7,500 บาท เมื่อเทียบกับการซื้อน้ำดื่มบรรจุถัง
– หากเป็นครอบครัวที่ซื้อน้ำดื่มบรรจุขวด ค่าใช้จ่ายใน 3 ปีจะสูงถึง 32,400 บาท ซึ่งมากกว่าค่าใช้จ่ายของเครื่องกรองน้ำที่มีอายุการใช้งานหลายปีอย่างมาก
ประโยชน์เพิ่มเติมของเครื่องกรองน้ำ
นอกจากการประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว เครื่องกรองน้ำ ยังมีข้อดีอื่น ๆ ได้แก่
1. ความสะดวกสบาย ไม่ต้องเสียเวลาออกไปซื้อน้ำดื่มหรือรอการจัดส่งจากผู้ให้บริการ
2. ช่วยลดขยะพลาสติก ลดการใช้ขวดน้ำพลาสติก ซึ่งเป็นปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม
3. น้ำสะอาดและปลอดภัยกว่า เครื่องกรองน้ำที่ได้มาตรฐานสามารถกำจัดสิ่งปนเปื้อน เช่น คลอรีน สารโลหะหนัก และจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย
4. เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้านและสำนักงาน สามารถใช้กรองน้ำสำหรับดื่มและประกอบอาหารได้อย่างมั่นใจ
การเลือกเครื่องกรองน้ำให้เหมาะสม
เมื่อตัดสินใจซื้อเครื่องกรองน้ำ ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้
– ประเภทของน้ำดิบที่ใช้ หากน้ำประปาในพื้นที่มีสารปนเปื้อนสูง อาจต้องใช้เครื่องกรองแบบ RO
– จำนวนสมาชิกในครอบครัว หากมีหลายคน อาจต้องใช้เครื่องกรองที่มีอัตราการกรองสูงขึ้น
– งบประมาณและค่าบำรุงรักษา เลือกเครื่องกรองที่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ตั้งไว้
– คุณสมบัติพิเศษ บางรุ่นมีระบบเติมแร่ธาตุให้น้ำ หรือสามารถกรองน้ำร้อน-เย็นได้ในตัว
การลงทุนใน เครื่องกรองน้ำ เป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับครอบครัวที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำดื่มในระยะยาว แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้น แต่เมื่อเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำดื่มเป็นประจำ จะพบว่าเครื่องกรองน้ำช่วยประหยัดเงินได้หลายพันบาทต่อปี อีกทั้งยังช่วยลดขยะพลาสติกและส่งเสริมสุขภาพที่ดีของครอบครัวอีกด้วย ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาวิธีลดค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ การติดตั้งเครื่องกรองน้ำคือการลงทุนที่คุ้มค่าและให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว